โดย แก้วขวัญ วัชโรทัย
แม่เป็นคนดัง
แม่ดังมาตั้งแต่เด็ก เพราะอ่านประวัติของแม่ที่แม่เขียนเองแล้วก็ย่อมทราบดี ไม่ว่าจะไปจังหวัดใด แม้ในต่างประเทศ พอเอ่ยถึงคุณหญิงพัว อาจารย์พัว หรือคุณพัว มีผู้รู้จักไปหมด ผมเป็นลูกจึงรู้สึกภูมิใจเป็นหนักหนา และคงจะมีหลายท่านที่อยากจะทราบว่าแม่มีวิธีสอนลูกอย่างไร จึงอยากขอเล่าความรู้สึกเฉพาะส่วนที่มีอยู่ระหว่างลูกกับแม่โดยสังเขปดังนี้
แม่เป็นคนเจ้าระเบียบ อบรมสั่งสอนให้ดำเนินชีวิตตามกิจวัตรประจำวันที่กำหนดจัดทำเป็นตารางประจำวันไว้ ต้องตื่นนอนเป็นเวลา รับประทานอาหารเป็นเวลา ทำงานจนกระทั่งนอน ก็ต้องนอนเป็นเวลา จนผู้ที่รู้จักคุ้นเคยจะเรียกแม่ว่า เครื่องจักรเยอมัน เพราะไม่มีวันหยุดพักงานเลย ไม่มีวันเสาร์ ไม่มีวันอาทิตย์ มีกิจกรรมทุกวันตั้งแต่มีแสงอาทิตย์จนพระอาทิตย์ลับโลก แม่จึงมีโอกาสสะสมกรรมดีไว้ได้มาก
แม่เป็นคนมีเหตุผล หากความคิดเห็นไม่ตรงกันก็จะต้องขัดไว้เสมอก็ดูจะกลายเป็นดื้อ จนมีคนให้สมญาว่าคุณหญิงมะดัน อันที่จริงแม่ยอมจำนนต่อเหตุผลต่างๆ ในทุกๆครั้ง ที่จะมีผู้ชี้แจงให้ฟังรายละเอียดในภายหลัง และจะไม่โกรธไม่มีความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้ใด มีเพื่อนๆแม่เล่าให้ฟังว่าแม่เป็นคนช่างขัดคอคน แต่งานไหนก็ตามที่ไม่มีแม่ก็จะเงียบเหงาไม่สนุกครึกครื้นเท่าที่ควร ฉะนั้นแม่จึงได้รับเชิญไปให้เป็นที่ครึกครื้นประจำ อาจเป็นเพราะคุณสมบัติพิเศษของแม่อันนี้ที่เป็นคุณสมบัติประจำตัวแม่ จึงทำให้แม่มีทั้งเพื่อนและลูกศิษย์มากมาย กับเป็นที่นิยมรักใคร่เอ็นดูของผู้ใหญ่หลายท่าน
แม่เคารพสิทธิของผู้อื่นแม้กระทั่งลูกๆของตนเอง ลูกหนีไปสอบใบขับขี่จักรยาน ใบขับขี่รถยนต์ เมื่ออายุถึงก็พลอยยินดีด้วยไม่เคยใช้อำนาจห้ามปรามผู้ใดเลย
ความสุขของแม่ อยู่ที่การสูบบุหรี่ แม้แม่จะเป็นคนมีนิสัยมัธยัสถ์ แต่ในเรื่องการสูบบุหรี่ แม่บอกลูกว่าเป็นความสุขของฉัน อีกอย่างที่เป็นความสุขของแม่ก็คือการได้สนองพระเดชพระคุณในงานต่างๆ หากยามใดว่าง ก็หาโอกาสไปสนุกอยู่กับบรรดาเพื่อนฝูง
แม่เป็นคนขยัน ตื่นแต่เช้าก็ต้องหางานทำแล้ว และทำงานไปจนตลอดวันจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ประดุจนกที่ออกทำมาหากิน แม่สอนให้ลูกร้องเพลงจากภาพยนตร์บ้านไร่นาเรา "เรืองแสงทอง กระดึงก่องกิ้งมา เป็นสัญญาณบอกเวลาออกทำงาน ฯลฯ " และให้ยึดคำขวัญของผู้นำของชาติ ในข้อที่ว่า " คนขยันเท่านั้นที่มีเกียรติ " แม่นอกจากจะเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีชนิดที่พูดได้ว่ายอมตายถวายชีวิต ไม่เคยปริปากถึงความเหนื่อยยากในการปฏิบัติงาน และได้ปฏิบัติงานถวายจนล้มเจ็บไม่สามารถสนองพระเดชพระคุณได้เพราะสังขารชำรุดทรุดโทรมมาก ในอายุจริงที่เกิด ๘๐ ปีกับ ๑๖ วัน ก็เป็นเรื่องแปลกที่น่าบันทึกไว้เพราะมีหมอดูลายเท้าผู้หนึ่งทำนายไว้ตอนอายุ ๗๓ ปี ว่าท่านอายุ ๘๐ ปีจะเดินไม่ได้ จะนั่งกิน นอนกิน แล้วก็เป็นจริงตามคำทำนาย ถึงแม้แม่เกิดมามีพ่อเป็นเจ้าพระยา และมีเจ้านายทรงอุปการะชุบเลี้ยงมาโดยตลอด แม่ก็เป็นคนถ่อมตนเสมอ โดยถือว่าตนเองเป็นคนจนทำให้คิดว่าเพราะชื่อภาษาอังกฤษ (poor) ของแม่แปลว่าจน แม่จึงต้องลำบากและต้องมีความอุตสาหะในการก่อสร้างฐานะครอบครัวร่วมกับพ่อ (พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร) ตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย เพราะแม่ไม่เคยได้รับมรดกจากผู้ใดเลย สร้างตนเองด้วยความกระเหม็ดกระแหม่รู้จักใช้รู้จักประหยัด ขยันทำมาหากิน เก็บหอมรอบริบ จนกระทั่งสามารถซื้อบ้าน ซื้อที่ดินเป็นของตนเองและยังซื้อที่ขยายที่ดินออกไปเพื่อแจกลูก จนถึงหลานได้ และลูก-หลาน-เหลน ก็ได้อาศัยอยู่ด้วยความสุขสบายไม่ต้องดิ้นรนให้ลำบากเหมือนสมัยแม่ก่อร่างสร้างตนเลย ทั้งนี้ก็ได้พระบารมีปกเกล้าฯ และบารมีของแม่ปกป้องคุ้มครองและบรรดาลให้
No comments:
Post a Comment